Skip to main content
- บ้าน /
- Articles /
- เพิ่มยอดขายด้วยตู้เย็น-ตู้แช่ พร้อมวิธีเลือกซื้อและดูแล
เพิ่มยอดขายด้วยตู้เย็น-ตู้แช่ พร้อมวิธีเลือกซื้อและดูแล
)
HIGHLIGHTS
-
ในการเลือกซื้อตู้แช่ เบื้องต้นเราควรคำนึงถึง ขนาด อุณหภูมิที่ต้องการ ความคงทน และความปลอดภัยในการใช้งาน
-
ตู้แช่เย็นที่ได้รับความนิยมแบ่งออกเป็น ตู้แช่แข็ง และตู้แช่เย็น ซึ่งใช้งานต่างกันไปอย่างการเก็บอาหารให้มีอายุที่ยาวนานขึ้น และการแช่เย็นเครื่องดื่มที่สามารถหยิบทานได้ทันที
-
ในการใช้งานที่ถูกวิธี เราควรตั้งตู้แช่ในอากาศถ่ายเทได้สะดวก ให้ตู้แช่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน
ตู้แช่เย็น” หรือ “ตู้แช่เครื่องดื่ม” ที่เรามักเห็นกันบ่อย ๆ ตามร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้า เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ทุกร้านค้าควรมี เพราะจะช่วยในเรื่องของการเพิ่มยอดขายในฝั่งเครื่องดื่มได้ดี ซึ่งวันนี้ร้านติดดาวเรามีวิธีในการเลือกซื้อตู้แช่เย็น ข้อแนะนำตั้งแต่เริ่มใช้งานไปจนถึง การใช้งานที่ถูกวิธีที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานกับ วิธีแก้ไขปัญหาเบื้องต้นมาฝากกัน
วิธีการเลือกซื้อตู้แช่เครื่องดื่ม
)
การเลือกซื้อตู้แช่เครื่องดื่มนั้น เบื้องต้นควรคำนึงถึง
-
ขนาดของตู้ ว่าสามารถบรรจุสินค้าได้ตามปริมาณที่เราต้องการหรือไม่
-
ดูล้อ ว่ามีหรือไม่ สะดวกต่อการเคลื่อนที่ย้ายที่ตั้ง หรือทำความสะอาด หรือเปล่า
-
อุณหภูมิของตู้ ว่าสามารถเก็บสินค้าที่เราต้องการหรือไม่
-
ชั้นวางสินค้าว่าสามารถปรับระดับได้ไหม เพื่อให้สะดวกแก่การวางของขนาดและรูปแบบต่างๆ
-
รูปลักษณ์และวัสดุโดยรวมของตู้ ว่าสวยงาม คงทน ปลอดภัยหรือไม่
นอกจากสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น ยังมีอีกสามสิ่งที่เราควรจะให้ความสำคัญในการเลือกซื้อตู้แช่เครื่องดื่ม
-
ระบบควบคุมความเย็น ระบบควบคุมความเย็นมี 2 รูปแบบ คือ
-
ดิจิตอลคอนโทรล จะช่วยให้อุณภูมิของตู้แช่คงที่ ไม่ปรับตามอุณภูมิโดยรอบภายนอกของตู้แช่ ทำให้ประหยัดไฟฟ้าได้ดี
-
ระบบเทอร์โมสตัท เราต้องทำการปรับเองด้วยการหมุนด้วยมือ ทำให้ในบางกรณีถ้าอากาศร้อนมาก ๆ แล้วตู้ทำความเย็นไม่ทันตามที่ควรจะเป็น เราอาจจะต้องจ่ายค่าไฟแพงกว่า
-
กระจก โดยทั่วไปมี 2 รูปแบบ คือ
-
กระจกกันฝ้า หมายถึง รุ่นที่ไม่มีหยดน้ำเกาะติดกระจก จะมีการอาบเคลือบด้วยน้ำยา ทำให้เห็นสินค้าจากด้านนอกได้ชัดเจน
-
กระจกสุญญากาศสองชั้น กระจกแบบนี้จะกันความร้อนเข้าตู้แช่และกันความเย็นรั่วไหลออกนอกตู้แช่ได้ดี แต่จะมีหยดน้ำเกาะกระจก
-
ระบบระบายน้ำ จะมีอยู่ 2 ระบบ คือ
-
ระบบเทน้ำทิ้งเอง หรือระบบระเหยน้ำอัตโนมัติ ตู้แช่เครื่องดื่มส่วนมากจะอาศัยการเทน้ำทิ้งเอง ซึ่งราคาจะถูกกว่าระบบระเหยน้ำอยู่เล็กน้อย
-
ระบบระเหยน้ำอัตโนมัติ ราคาแพงแต่ก็ได้มาซึ่งความสะดวกสบายในการใช้งาน
ประเภทของตู้แช่เย็นขนาดเล็กที่ได้รับความนิยม
)
1.ตู้แช่แข็งทรงต่ำ
ตู้แช่แข็งแบบทรงต่ำจะเป็นลักษณะตู้ทรงสี่เหลี่ยมที่มีฝาเปิด-ปิดด้านบน และจะมีจุดให้สามารถล็อคกุญแจได้ เหมาะสำหรับร้านค้าขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง ใช้เพื่อการเก็บของใด ๆ ที่จำเป็นต้องใช้อุณหภูมิในการแช่แข็ง โดยภายในจะมีอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส เพื่อการรักษาคุณค่าภายในของสิ่งที่ถูกแช่อยู่ไว้ได้เป็นอย่างดี
)
2.ตู้แช่แข็งทรงสูง
สำหรับตู้แช่แข็งแบบทรงสูงจะมีลักษณะคล้ายกับตู้เย็นทั่วไป แต่จะแตกต่างตรงที่อุณหภูมิภายในจะมีตั้งแต่ 0 องศาไปจนถึงติดลบจุดเยือกแข็งด้วยเช่นกัน ให้ความเย็นที่มีความคงที่มากกว่าตู้เย็นทั่วไป มีชั้นวางที่จะแบ่งของต่าง ๆ ให้เก็บได้อย่างครบทุกส่วน ไม่ต้องจัดของภายในเองให้ยุ่งยากเหมือนกับแบบตู้แช่แข็งทรงต่ำ นอกจากนี้ยังมีรูปทรงที่สามารถเข้าได้กับทุกพื้นที่
)
3.ตู้แช่เย็นทรงต่ำ
ตู้แช่เย็นขนาดเล็กแบบทรงต่ำจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับตู้แช่แข็งแบบทรงต่ำ มีประตูกระจกด้านบนที่เปิด-ปิดด้วยการเลื่อนได้ทั้งซ้ายและขวา สามารถมองเห็นสิ่งของที่แช่อยู่ภายในได้ชัดเจน อุณหภูมิจะไม่ติดลบต่ำเท่ากับตู้แช่แข็ง เพราะรักษาอุณหภูมิไว้สำหรับการแช่เย็นเท่านั้น
)
4.ตู้แช่เย็นทรงสูง
ตู้แช่เย็นทรงสูงขนาดเล็ก สามารถใช้ในร้านค้าและร้านอาหารทั่วไป เพื่อการแช่เครื่องดื่มที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน มีจุดเด่นด้วยช่องแช่ที่จะมีชั้นให้สามารถจัดเก็บสิ่งของต่าง ๆ ได้สะดวกและง่ายดายมากขึ้น ทำให้ผู้ที่เข้าร้านมาซื้อของเลือกได้ง่ายกว่าเดิม
ข้อแนะนำก่อนเริ่มใช้งาน
)
-
แกะวัสดุที่ห่อหุ้มตู้แช่ทั้งหมดออก เช่น โฟม เทป และวัสดุห่อหุ้มอื่นๆ จากนั้นเปิดประตูตู้แช่ทิ้งไว้สักครู่เพื่อระบายอากาศ
-
ก่อนใช้งานตู้แช่ทุกครั้งควรทำความสะอาดภายในตู้แช่ก่อน
-
เสียบปลั๊กไฟฟ้าเข้ากับเต้ารับ ที่ใช้แรงดันไฟฟ้าเฟสเดียวที่ 220 โวลต์ 50 เฮิรตซ์ (220V, 50Hz)
-
กดปุ่ม ON เพื่อเปิดการทำงานของตู้แช่ประมาณ 30-45 นาที เพื่อให้ตู้แช่ทำงานให้ได้อุณหภูมิที่ต้องการก่อนจึงจะนำสินค้าเข้าไปแช่ภายในตู้
การใช้งานที่ถูกวิธี เพื่อยืดอายุการใช้งาน
)
-
ห้ามตั้งตู้แช่ใกล้แหล่งความร้อน การตั้งตู้แช่ใกล้เตาไฟ หรือถูกแสงแดดส่องถึง จะทำให้ตู้แช่ทำงานอย่างหนัก
-
ควรตั้งตู้แช่ในอากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่ควรตั้งตู้แช่ในที่อับชื้น การที่อากาศถ่ายเทดีจะส่งผลทำให้ตู้แช่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน
-
ระมัดระวังอย่าให้สายไฟชำรุด ในการติดตั้งตู้แช่ควรตรวจสอบสายไฟว่าชำรุดหรือไม่
-
อย่าเสียบปลั๊กตู้แช่ร่วมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ปลั๊กของตู้แช่ควรแยกออกจากเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ และควรมีอุปกรณ์ตัดกระแสไฟฟ้าป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรไว้ด้วย
-
เต้ารับของพื้นที่ที่ติดตั้งตู้แช่ควรมีสายดินรองรับ
-
เลือกใช้อุณหภูมิให้เหมาะสมกับการใช้งานเพื่อประหยัดพลังงาน
-
ควรติดตั้งตู้แช่ในพื้นที่ราบเรียบ หลีกเลี่ยงการติดตั้งในพื้นที่ลาดเอียงหรือพื้นที่ที่มีน้ำขัง
คำเตือนและวิธีการแก้ปัญหาเบื้องต้น
)
-
เมื่อกระแสไฟฟ้าเกิดขัดข้อง เช่น ไฟตก หรือไฟดับ ให้รีบถอดปลั๊กตู้แช่ทันที เมื่อกระแสไฟฟ้าเป็นปกติแล้ว จึงจะเสียบปลั๊กตู้แช่ การเสียบปลั๊กตู้แช่อีกครั้งหลังจากที่ถอดปลั๊กแล้ว ควรทิ้งช่วงระยะเวลาให้ห่างอย่างน้อย 5 นาที
-
ห้ามเก็บสารเคมีและสารไวไฟ ไว้ในตู้แช่เด็ดขาด เพราะสารเคมีและสารไวไฟมีจุดวาบไฟต่ำ อาจทำให้เกิดการระเบิดได้ นอกจากนี้ไม่ควรเก็บสารเคมีต่าง ๆ รวมกับอาหาร เพราะจะทำให้เกิดสารปนเปื้อนในอาหารได้
-
ห้ามใช้น้ำมันหรือยาฉีด เช็ดตู้แช่ การใช้น้ำยาฉีดหรือสารเคมีอื่น ๆ ฉีดเช็ดตู้แช่อาจทำให้ตู้แช่ เกิดรอยด่างได้
-
อย่าแช่ขวดเบียร์, ขวดน้ำอัดลมลงในช่องแช่แข็ง เพราะความเย็นจะทำให้น้ำในขวดแข็งและขยายตัวจนทำให้ขวดแตกได้
-
ห้ามใช้มีดหรือของมีคม งัดแซะน้ำแข็งออกจากช่องแช่แข็งโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้แผงความเย็นชำรุดได้
-
ห้ามใช้น้ำราดภายในตู้แช่โดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดกระแสไฟฟ้ารั่วจากระบบไฟฟ้าได้
ตู้แช่เย็น หนึ่งในอุปกรณ์ที่ร้านขายของชำควรมี เราควรคำนึงถึง ขนาด อุณหภูมิที่ต้องการ ความคงทน และความปลอดภัย ในการเลือกซื้อ พร้อมกับศึกษาการใช้งานที่ถูกวิธีจะช่วยยืดอายุการใช้งานให้นานมากยิ่งขึ้น เท่านี้ก็ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้าได้แล้วค่ะ
แหล่งอ้างอิง
